1) ประวัติสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด
ยุคแรก
(โรงเรียนหนองจอกพิทยานุสสรณ์)

เข้าสู่ระบบลีก
ฤดูกาลต่อมาของลีกดิวิชัน 1 2546 - 2547 ทีมเปลี่ยนชื่ออีกครั้งตามกลุ่มที่เข้ารับทำทีมต่อคือ
สโมสรฟุตบอลหลักทรัพย์โกล์เบล็ค หนองจอก โดยมีสมศักดิ์ เซ็นเชาวนิช
เป็นผู้จัดการทีม แต่ปีนั้นทีมทำผลงานได้ย่ำแย่
จนสุดท้ายก็ต้องตกชั้นไปเล่นในถ้วยพระราชทานประเภท ข ในฤดูกาล 2547-2548 โดยกลับไปใช้ชื่อเดิม ร.ร.หนองจอกพิทยานุสรณ์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ต่อมา สมาคมฟุตบอลฯ
ต้องการยกระดับลีกการแข่งขันในประเทศของไทย
ให้เป็นสากลมากขึ้นจึงก่อตั้งลีกดิวิชัน 2 ขึ้นมาโดยนำทีมจากถ้วยพระราชทาน ข และ ค
มาผสมรวมกันเพื่อแข่งขันในลีกนี้ในฤดูกาล 2549 - 2550 ซึ่ง
ร.ร.หนองจอกพิทยานุสรณ์ได้สิทธิ์เข้าแข่งขันด้วย และปีนั้นกับลีกดิวิชัน 2 ของไทยครั้งแรกชื่อทีมเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด โดยผู้สนับสนุนทีมคือ ระวิ โหลทอง ที่รับตำแหน่งประธานสโมสร
ยุคเริ่มต้นความสำเร็จ
เริ่มต้นที่ปี พ.ศ. 2550 ปีนั้นทีมใช้ผู้จัดการทีมอย่าง นพพร
เอกศาสตรา คุมทีม โดยมี โรเบิร์ต
โปรคูเรอร์ เป็นผู้จัดการทีม ปีนั้นเมืองทองหนองจอก
ยูไนเต็ดได้แชมป์ลีกดิวิชัน 2 ครั้งแรกพร้อมได้สิทธิ์ขึ้นไปเล่นลีกดิวิชัน
1 ในปี พ.ศ. 2551 ในปีต่อมา
ผู้จัดการทีมอย่างสุรศักดิ์ ตังสุรัตน์ สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกดิวิชัน 1 ประจำปี 2551 มาครอบครองได้สำเร็จ
พร้อมขึ้นชั้นมาเล่นไทยพรีเมียร์ลีก
2552 (ไทยลีก
ครั้งที่ 13)

ฤดูกาล 2553
สโมสรฟุตบอลเมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด
ที่ได้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2552
ในฤดูกาลก่อนได้ลงป้องกันแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก
โดยตลอดทั้งฤดูกาลก็ทำผลงานได้ดีจนได้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก
2553 เป็นสมัยที่สองติดต่อกัน
ซึ่งการได้ 2 สมัยนั้นทำให้มีสถิติเทียบเท่าบีอีซี
เทโรศาสน, ธนาคารกรุงไทย และทหารอากาศ (หรือแอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด ในปัจจุบัน) ส่วนก่อนฤดูกาลแข่งขันนั้นก็ได้แชมป์ ถ้วยพระราชทานประเภท
ก ที่สามารถชนะการท่าเรือไทย ได้ 2-0 ส่วนถ้วยอื่น ๆ อย่างเอเอฟซีคัพ และไทยคม เอฟเอคัพ ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศ
ฤดูกาล 2554[
สโมสรฟุตบอลเมืองทอง หนองจอก
ยูไนเต็ดได้ลงป้องกันแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ครั้งนี้ทีมพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะได้เป็นแชมป์
3 สมัยติดต่อกัน แต่ด้วยการไปเล่นเอเอฟซีคัพทำให้มีการเหนื่อยล้าของนักเตะรวมถึงการเปลี่ยนผู้จัดการทีมใหม่จากเรอเน เดอซาแยร์มาเป็นการ์ลูส
โรเบร์ตู จี การ์วัลยูและเฮ็นริเก
คาลิสโต ในช่วงเลก 2 ของฤดูกาลมีการเซ็นสัญญาซื้อร็อบบี ฟาวเลอร์เข้าร่วมทีม ต่อมาในเดือนกันยายน คาลิสโต ที่พาทีมตกรอบเอเอฟซีคัพ
ถูกทางสโมสรปลดออก และร็อบบี ฟาวเลอร์ ตำแหน่งเพลยเออร์-เมเนเจอร์
(เป็นทั้งผู้จัดการทีมและผู้เล่น) โดยทำการคุมทีมนัดแรกในนัดที่พบกับเอสซีจี
สมุทรสงคราม หลังจากนั้นอีกไม่นาน เมื่อเมืองทอง
ยูไนเต็ด ได้เพียงอันดับ 3 ในฤดูกาลนี้ ทำให้ฟาวเลอร์
ได้ขอลาออกจากตำแหน่ง
ฤดูกาล 2555
ดูบทความหลักที่: สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2555
ปูนซีเมนต์ไทย (เอสซีจี) ได้เซ็นสัญญาเพื่อมาเป็นผู้สนับสนุนของทีม
โดยมีมูลค่าสัญญามากถึง 600 ล้านบาท และได้ทำการเปลี่ยนชื่อสนาม
จาก "ยามาฮ่า สเตเดียม" มาเป็น "เอสซีจี สเตเดียม"
และชื่อทีมจาก "เมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด" มาเป็น
"เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด" ส่วนโลโก้ของสโมสรก็มีการเปลี่ยนให้ตัวกิเลนทั้ง
2 ตัว มีขาชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม
ช่วงก่อนเปิดฤดูกาลก็ได้มีการซื้อเอกภูมิ
โพธารุ่งโรจน์, มงคล นามนวด, อัดนัน บาราคัท และมารีโอ ยูโรฟสกี เข้ามาร่วมทีม รวมถึงการเซ็นสัญญาผู้จัดการทีมคนใหม่ คือ สลาวีชา วอคานอวิช โดยผลงานจบเลกแรก ด้วยการเป็นอันดับที่ 1 ของตารางไทยพรีเมียร์ลีก
2555 หลังจากนั้นก่อนเปิดเลกที่
2 ก็ได้มีการซื้อนักเตะเพิ่มเติม โดยมีเอดีบัลโด
โรคัซ เอร์โมซา ปีกทีมชาติโบลิเวีย และเปาโล เรนเกิล นักเตะบราซิล ต่อมาในช่วงเดือนกันยายน ทีมได้ตกรอบโตโยต้า ลีกคัพ ด้วยการแพ้ทีโอที เอสซี และตกรอบไทยคม เอฟเอคัพด้วยการแพ้อาร์มี ยูไนเต็ด แต่ทีมยังรักษาอันดับ 1 ไว้ได้ตั้งแต่เลกแรก
และจนถึงช่วงปลายเลกที่ 2 ทีมก็ยังรักษาฟอร์มที่ดีไว้ได้
จนเหลือ 3 นัดสุดท้าย เมื่อแต้มได้ทิ้งห่าง ชลบุรี เอฟซี ทีมอันดับที่ 2 มากพอที่จะได้เป็นแชมป์อย่างเป็นทางการตั้งแต่ยังไม่จบฤดูกาล
โดยมีการฉลองแชมป์ที่เอสซีจี สเตเดียมในนัดที่พบกับชัยนาท เอฟซี โดยหลังจบเกม ทางสโมสรให้แฟนบอลได้ฉลองกันอย่างเต็มที่
และให้ลงมาสัมผัสสนามหญ้าของเอสซีจี สเตเดียม
รวมไปถึงให้พบกับนักฟุตบอลของทีมอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง และฤดูกาลหน้า
สโมสรจึงได้สิทธิ์ไปเล่นเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกในรอบแบ่งกลุ่ม และปีนี้เองที่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
ได้ทำสถิติไร้พ่ายเป็นทีมแรกของเมืองไทยและของสโมสร
สนามแข่ง
เอสซีจี สเตเดียม
|
|
|
|
|
|
ที่ตั้ง
|
|
เปิด
|
2541
|
เจ้าของ
|
|
ผู้ดำเนินการ
|
สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
|
พื้นสนาม
|
หญ้า
|
1,500 ที่นั่ง
|
|
ใช้จัดงาน
|
|
สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น